ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: US ຖອນ B-52 ສົ່ງ B-1B ຄຸມ ທະເລຈີນໃຕ້
Anonymous

Date:
US ຖອນ B-52 ສົ່ງ B-1B ຄຸມ ທະເລຈີນໃຕ້
Permalink   
 


สหรัฐถอน B-52 ส่ง B-1B บ.ทิ้งระเบิดปีกหุบล่องหนคุมทะเลจีนใต้

559000007869203.JPEG559000007869204.JPEG

 

สหรัฐกำลังจะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด ยุทธศาสตร์ "สเตลธ์" รุ่นเก่า เข้าประจำการที่เกาะกวม ในเขตแปซิฟิกตะวันตก สัปดาห์ต้นเดือน ส.ค.นี้ เพื่อปฏิบัติการลาดตระเวณในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ B-1B "แลนซ์" (Lance) ถูกส่งกลับเข้าประจำการในย่านนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพยุทธศาสตร์สำคัญอีกแห่งหนึ่ง อยู่ถัดอาณาบริเวณทะเลจีนใต้ลงไปไม่ไกล
       B-1B เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ออกแบบมา ให้สะท้อนคลื่นเรดาร์ต่ำมาก ซึ่งตัวเลขทางเทคนิค ระบุว่าหลังอัปเกรดมาหลายครั้ง ทำให้รุ่นล่าสุด หรือ "บล็อค" ใหม่ล่าสุด มีพื้นที่สะท้อนเรดาร์เหลืออยู่เพียง 29 ตารางฟุตเท่านั้น ทั้งยังบินได้ในระดับต่ำ ความเร็วระดับซูเปอร์โซนิก คือ เร็วกว่า 900 ไมล์ (กว่า 1,440 กม.) ต่อชั่วโมง กองบัญชาการกองกำลังแปซิฟิกสหรัฐ แถลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เครื่องบินที่ไม่ได้ระบุจำนวน จะไปถึงในวันที่ 6 ส.ค. ตามเวลาในท้องถิ่น เพื่อแทน B-52 ที่ฐานทัพอากาศแอนเดอร์สัน (Anderson Air Force Bas)
       ความเคลื่อนไหวนี้ยังมีขึ้นไม่นาน หลังจากจีนประกาศจะยกระดับการบินลาดตระเวณ เหนือน่านน้ำพิพาททะเลจีนใต้ ทั้งโดยเครื่องบินทิ้งระเบิด และเครื่องบินขับไล่ เพียงไม่นานหลังจากคณะอนุญาโตตุลาการ ระหว่างประเทศ ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ตัดสินเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ตามการกล่าวโทษของรัฐบาลฟิลิปปินส์ โดยระบุว่า การกล่าวอ้างสิทธิ์ครอบครองทะเลเปิดแห่งนี้ของจีน เป็นการกล่าวอ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ
       จีนประกาศล่วงหน้าจะไม่ยอมการผลการตัดสินใดๆ ของคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ แต่ก็ไม่ทำให้ผลการตัดสินขาดความศักดิ์สิทธิ์ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
       สหรัฐกล่าวว่าการส่ง B-1B ไปประจำการแทน B-52 เป็นไปตามแผนการที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้า เกี่ยวกับการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกองกำลัง กับยุทโธปกรณ์ เพื่อปฏิบัติหน้าที่รับประกันสิทธิ์เสรีภาพ การเดินเรือและการเดินอากาศอย่างเสรี เหนือทะเลจีนใต้
       เครื่องบิน B-1B "จะเพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีที่รวดเร็ว เพิ่มขีดความสามารถทางด้านความพร้อม กับพันธสัญญาของเรา ในการป้องปราม กับการให้ความมั่นใจ ต่อบรรดาพันธมิตรของเรา และ เสริมขายความมั่นคงปลอดภัย กับเสถียรภาพในภูมิภาค" สหรัฐระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง ที่ออกในมลรัฐฮาวาย

การเล่นคำนาม Bone (โบน) ได้กลายมาเป็นคำใหม่ คือ B-One หรือ B-1 ชื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบปีกหุบ ความเร็ว 1.2 เท่าเสียง สร้างตั้งแต่ปี 1973-1974 ก่อนสงครามเวียดนามจะยุติลง เริ่มเข้าประจำการอีก 10 ปีถัดมา หลังจาก B-52 ถูกยิงตกในเวียดนามกว่า 30 ลำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปี 1972 ที่สหรัฐโหมทิ้งระเบิดกรุงฮานอย กับนครหายฝ่อง ซึ่งถูกยิงตกมากที่สุด ทำให้ต้องมองหาเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล ความเร็วสูงมาแทนที่ จนกระทั่งกลายเป็นเครื่องบินต้นแบบ B-1A จำนวน 4 ลำ ก่อนผลิต B-1B รวมทั้งหมด 100 ลำตั้งแต่นั้่น ในยุคสมัยโน้น B-1B สามารถเพื่อนำระเบิดนิวเคลียร์หนัก 40 ตัน ไปทิ้งลงในกลางกรุงมอสโก สหภาพโซเวียตได้ นั่นคือในช่วงทศวรรษที่สงครามเย็นร้อนระอุ ปัจจุบันปลดระวางไปแล้วลายสิบลำ เปิดทางให้ B-2 และ B-21 "ปิศาจสเตลธ์" เต็มรูปเข้าประจำการแทนที่. -- Wikipedia.Org

559000007869202.JPEG559000007869205.JPEG

  
 
  
 
  
 
  
 
 

 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่า สงครามระหว่างจีนกับสหรัฐจะเกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ แต่ถ้าหากเกิดมีขึ้นมาจริงๆ และ เป็นสงครามทางอากาศเต็มรูปแบบ ภาพรวมจะออกมาเป็นเช่นไร และ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร นายทหารสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในรัฐฮาวาย ได้บรรยายสรุปรูปการณ์ต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่สถาบันศึกษาวิจัยแห่งหนึ่ง ได้รับฟังเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งทำให้เกิดมโนภาพขึ้นมาลางๆ ให้เห็นว่า.. จีนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ด้วยเทคโนโลยีล่องหนของเครื่องบินรบยุคที่ 5 ที่สหรัฐพัฒนาไปไกลกว่าใครๆ
       เรื่องนี้ถูกนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ผ่านสื่อกลาโหมหลายแห่งทั้งสหรัฐ และ ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
       เครื่องมือสำคัญที่สุด ที่ทำให้เชื่อมั่นว่าถือแต้มที่เหนือกว่าก็คือ เครื่องบินรบ "สเตลธ์" ทั้งสองรุ่น ซึ่งได้แก่ F-22 "แร็พเตอร์" (Raptor) กับ F-35 "ไล้ต์นิ่ง 2" (Lightning II) ที่สามารถฝ่าข่ายเรดาร์ กับ ระบบรบกวนทางอีเล็กทรอนิกส์ของฝ่ายจีน เข้าไปถล่มที่ตั้งระบบจรวดต่อสู้อากาศยานของจีนได้ในทุกๆ จุด เปิดทางให้เครื่องบินรบยุคที่ 4 เช่น เอฟ/เอ-18 เอฟ-15 และ เอฟ-16 เข้าไปจนถึงกรุงปักกิ่ง ฯลฯ
       เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์สเตลธ์อีก 2 รุ่นในปัจจุบัน ยังสามารถบินปฏิบัติการถึงเมืองหลวงของจีนได้ด้วยตัวเอง หรือ จะบินไปโจมตียังจุดไหนๆ ก็ได้ โดยไม่ถูกอีกฝ่ายหนึ่งตรวจจับได้ .. ตามข้อมูลของฝ่ายสหรัฐนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ประเทศไหน ตรวจจับ B-2 กับ B-21 ได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดเผยว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลล่องหนทั้งสองรุ่น อาจจะบินข้ามหัวจีนอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกันกับรัสเซีย และ อีกหลายประเทศพันธมิตรของสหรัฐ
       เมื่อสหรัฐสามารถครองน่านฟ้าเหนือเมืองหลวง และ นครใหญ่แห่งต่างๆ ของจีนได้ ก็จะเปิดทางให้เครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตียุทธศาสตร์ เช่น B-52H รวมทั้ง และ อีกสารพัด ตามเข้าไปสมทบได้อีก .. ถึงจุดนั้นจีนก็จะมีเพียง 2 ทางเลือกคือ ยอมแพ้หรือสู้จนตรอก ท่ามกลางการสูญเสียอย่างหนัก มีคนตายอีกเรือนล้าน
       ไม่ต้องพูดถึงสงครามนิวเคลียร์กับสหรัฐ เพราะนั่นเท่ากับการฆ่าตัวตายทั้งสองฝ่าย..
       นายทหารอากาศสหรัฐ ที่ประจำในภาคพื้นแปซิฟิกกล่าวว่า F-22 กับ F-35 เป็นต่อทุกขุมพลังทางอากาศในย่านนี้ ในขณะที่เครื่องบินรบยุคที่ 5 "สเตลธ์" ของจีน คือ พวกรหัส J ตัวเลขสูงๆ ทั้งสองรุ่นนั้่น ยังใช้เครื่องยนต์ควันดำอยู่ ซึ่งทำให้โหมดล่องหนมีค่าต่ำสุด และ เครื่องบินรบทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ก็ยังเป็นแค่ J-11 ที่จีนก็อปปี้ Su-27 ของอดีตสหภาพโซเวียตไปทั้งดุ้น ติดตั้งระบบเอวิโอนิกส์เมด-อิน-ไชน่า

559000007774302.JPEG559000007774304.JPEG

 

รายงานในเว็บไซต์ข่าวการทหารหลายแห่ง ก่อนหน้านี้ยังระบุว่า สหรัฐไม่เคยวิตกเกี่ยวกับ Su-35 ที่จีนเซ็นซื้อจากรัสเซียจำนวน 2 ฝูง ที่จะส่งมอบกันในอีกไม่นาน โดยมองว่า "ไม่มีความหมายอะไร" และ ระบบจรวด S-400 ที่ซื้อจากรัสเซียเมื่อเร็วๆ นี้ก็ไม่ต่างกัน
       แม้จะได้ชื่อเป็นอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะไกล ดีที่สุดอีกระบบหนึ่งของโลก เป็นเสมือนยาทัมใจหรือยาบวดหาย ที่ใช้กับสารพัดโรคก็ตาม สหรัฐมีระบบอาวุธ ที่สามารถหลอกล่อ และ ยิงทำลาย ที่ตั้งระบบจรวด S-400 ได้ไม่ยาก
       ขณะเดียวกันกองทัพอากาศสหรัฐ ยังมอบหมายให้บริษัทเรธีออน (Raytheon) พัฒนาระบบอีเล็กทรอนิกส์ เพื่อสงครามทางอากาศอีกระบบหนึ่ง เพื่อติดตั้งบนเครื่องบินรบ ให้สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้ง หน่วยต่อสู้อากาศยานฝ่ายตรงข้ามได้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้หลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบ "หมูวิ่งเข้าหาปังตอ" และ เปิดทางให้ฝ่ายตน สามารถกำหนดเป็นเป้าหมายล่วงหน้าได้
       ภาพรวมใหญ่ๆ เกี่ยวกับบทบาทของ F-22 F-35 ในสงครามทางอากาศ กับจีน ในระยะ 10 ปีข้างหน้า ก็คือ เป็นหัวหอกในการบุกทะลวงเข้าสู่แนวหลังของอีกฝ่ายหนึ่ง โจมตีทำลายข่ายเรดาร์ ข่ายสงครามอีเล็กทรอนิกส์ กับข่ายป้องกันทางอากาศ เพื่อเปิดทางให้กองหลังของสหรัฐ เข้าทำลายเป้าหมายสำคัญต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่ รวมทั้งกำลังทางอากาศของจีนทั้งหมด

 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

"ถ้า หากเราส่งเครื่องบินรบยุคที่ 4 (เอฟ-15, เอฟ-16 ฯลฯ) เข้าไป ก็ต้องล้มตายกัน" พล.ต.เจฟ ฮาร์ริเจียน (Jeff Harrigian) ผู้เกี่ยวข้องกับแผนปฏิบัติการของเครื่องบินรบยุคที่ 5 ทั้งสองรุ่น กับ พ.อ.แม็กซ์ มารอสโค (Max Marosco) รองผู้บังคับการหน่วยสงครามทางอากาศและไซเบอร์สเปซ กล่าวกับเจ้าหน้าที่สถาบัน Mitchell Institute for Aerospace Studies เมื่อต้นเดือนนี้ สถาบันแห่งนี้ตีพิมพ์เรื่องราวดังกล่าว ในอีกไม่กีวันถัดมา
       ระยะที่ผ่านมา มีนายทหารกองทัพอากาศหลายนาย เคยพูดถึงเทคโนโลยีชั้นสูงที่ใช้ เพิ่มประสิทธิภาพในการรบของ F-22 และ F-35 แต่ยังไม่เคยมีผู้ใดพูดถึง การใช้เครื่องบินล่องหนทั้งสองรุ่นในการศึก อย่างเป็นรูปธรรมเช่นนี้มาก่อน
       ในมโนภาพของนายทหารสหรัฐกลุ่มนี้ สงครามในช่วงปี พ.ศ.2569 นั้น ฝ่ายข้าศึกจะพยายามรบกวนเรดาร์ และ สัญญาณสื่อสารทั้งมวลของสหรัฐ มีเพียงเครื่องบินรบล่องหน F-22 กับ F-35 และ เครื่องบินทิ้งระเบิดสเตลธ์ B-2 กับ B-21 "ปิศาจปีกค้างคาว" เท่านั้น ที่สามารถบินฝ่าแนวป้องกันของจีนได้อย่างปลอดภัย ไปโจมตีในจุดต่างๆ ที่เต็มไปด้วยระบบป้องกันที่แน่นหนาได้
       นายทหารทั้งสองคนกล่าวอีกว่า ในวันแรกๆ ของสงครามนั้น ฐานปฏิบัติการของ F-22 กับ F-35 รอบๆ ทะเลจีนใต้ จะถูกฝ่ายจีนโจมตีด้วยจรวดนำวิถีไกล จนเสียหายอย่างหนัก เมื่อขึ้นบินแล้วก็อาจจะไม่สามารถกลับไปลงที่ฐานแห่งเดิมได้อีก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าทั้ง F-22 และ F-35 สามารถไปใช้สนามบินพลเรือนที่ไหนก็ได้ และ หากจะว่าไปแล้วไป จะขึ้นหรือลงจอดที่ไหนก็ได้ F-22 ต้องการทางวิ่งสั้น เพียงประมาณ 300 เมตรก็เทคออฟได้แล้ว ส่วนรุ่นหลังมีเวอร์ชั่นของนาวิกโยธิน ที่สามารถขึ้นลงแนวดิ่งได้

 ทั้ง F-22 และ F-35 ไม่ต้องการการช่วยเหลือใดๆ จากหอควบคุมการบิน คอมพิวเตอร์ที่ก้าวหน้ามากๆ จะนำทางไปยังสนามบินที่ต้องการได้ แม้แต่ในสภาพอากาศเลวร้ายที่สุด
       ในช่วงสงครามดังกล่าว เครื่องบินรบยุคที่ 4 ทั้งหลายทั้งปวง ที่ถูกเรดาร์ตรวจจับพบได้โดยง่าย ซึ่งรวมทั้ง F-15 และ F-16 จะต้องอยู่ให้พ้นจากรัศมีจรวดต่อสู้อากาศยานระยะไกลของจีน เพื่อรอให้เครื่องบินรบยุคที่ 5 เปิดทางให้ออกปฏิบัติการได้ในภายหลัง
       อย่างไรก็ตามนายทหารทั้งสองไม่ได้ชี้ชัด และ รายงานฉบับดังกล่าวนี้ ก็ไม่ได้ระบุอย่างตรงไปตรงมาว่า ประเทศคู่อริใน "อเมริกันมโน" นี้คือ จีน และ สนามรบทางอากาศที่กล่าวถึง ก็ไม่ได้ระบุเป็นทะเลจีนใต้ หากเป็น "อาณาบริเวณสำคัญแห่งหนึ่งในต่างแดน" แต่สภาพแวดล้อมที่มีการพูดถึง -- เช่นบางที F-35 อาจจะต้องเปลี่ยนเส้นทางไปลงในออสเตรเลียนั้น บ่งบอกว่าสมรภูมิในมโนภาพ เป็นทะเลหลวงแห่งความขัดแย้งในขณะนี้
       นอกจากนั้นในปัจจุบัน ประเทศอื่นๆ ที่มีเครื่องบินรบสเตลธ์ ยุคที่ 5 และ มีระบบป้องกันทางอากาศที่ทันสมัยในย่านนี้ ก็มีเพียงรัสเซียกับจีน ซึ่งรัสเซียก็อยู่ไกลนอกรัศมีทำการของ F-22 กับ F-35 ที่ประจำอยู่ในย่านแปซิฟิกตะวันตก

ทั้ง พล.ต.ฮาร์ริเจียน และ พ.อ.มารอสโค ยังพูดถึงอีกหลายประเด็น ที่เป็นรายละเอียด รวมทั้งระบบดาต้าลิงค์ที่รวดร็วยิ่งขึ้น ทันสมัยยิ่งขึ้น ระหว่าง F-22 กับ F-35 ในอนาคต เพื่อสื่อสาร รับ-แลกเปลี่ยนข้อมูล กับหน่วยอำนวยการรบ ที่เป็นเสมือน "ยานแม่"
       นายพลผู้นี้กล่าวว่า ทุกคนและทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อเครื่องบินรบแบบ F-22 กับ F-35 บินเข้าสู่ยุทธภูมิ..
       การตีพิมพ์รายงานชิ้นนี้ยังมีขึ้น ในขณะที่กองทัพอากาศสหรัฐกำลังจะประกาศให้ฝูงบิน F-35 ฝูงแรก อยู่ในสภาพ "พร้อมรบ" ซึ่งเชื่อกันว่าการประกาศอย่างเป็นทางการ จะมีขึ้นในช่วงเดือน ส.ค.จนถึง ธ.ค.ปีนี้ ส่วนนาวิกโยธินที่ครอบครอง F-35 อีกเวอร์ชั่น ประจำเรือโจมตียกพลขึ้นบก ประกาศการพร้อมรบตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยนำออกปฏิบัติการในสมรภูมิใดๆ เหมือนเช่น "แร็พเตอร์" ที่เข้าร่วมโจมตีกลุ่มไอซิส ทั้งในอิรักและในซีเรีย
       สำหรับ F-22 อยู่ในสภาพพร้อมรบมาตั้งแต่ปี 2548 แต่ยังไม่เคยนำออกใช้งานจนกระทั่งเมื่อปี 2557 เมื่อบินไปโจมตีกลุ่มรัฐอิสลาม ในบริเวณหนึ่งที่มีระบบป้องกันทางอากาศดีที่สุดในซีเรีย



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

“ฮุนเซน”เดือดโดนกล่าวหาทรยศ โพสต์เฟซบุ๊กบอกเวียดนามไม่ใช่พ่อ

559000007913001.JPEG

 

นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ของกัมพูชา ได้แสดงความเห็นตอบโต้อย่างหนักแน่นต่อความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กที่เขียนกล่าวหาว่าฮุนเซน “ทรยศเวียดนาม”
       “ทำไมคุณถึงพูดว่าผมกำลังทรยศเวียดนาม? เวียดนามเป็นพ่อผม เป็นกษัตริย์ของผมหรือ? คุณควรที่จะต้องทราบว่าสิ่งที่ผมจงรักภักดีคือ ประเทศกัมพูชา และผมให้ความเคารพต่อองค์กษัตริย์และภรรยาที่รักของผม เวียดนามไม่ได้เป็นเจ้านายที่ผมต้องภักดี หากคุณเป็นชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในกัมพูชาอย่างถูกกฎหมาย คุณต้องเคารพกฎหมายของกัมพูชา หากคุณไม่มีเอกสาร คุณต้องออกไปจากกัมพูชา และถ้าหากคุณอาศัยอยู่ในเวียดนาม ได้โปรดรักผู้นำเวียดนาม” ผู้นำเขมรตอบความคิดเห็นในเฟซบุ๊ก
       ฮุนเซน ยังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า “ตนเป็นผู้นำของรัฐเอกราช ที่มีความสัมพันธ์กับผู้นำเวียดนามด้วยสิทธิที่เท่าเทียม และเที่ยงธรรม โปรดส่งต่อข้อความนี้ไปยังผู้นำเวียดนามหากคุณเป็นชาวเวียดนามจริงๆ เพราะคุณทราบชัดเจนว่า ผู้นำเวียดนามให้ความเคารพต่อเอกราชของกัมพูชาเสมอ ซึ่งต่างไปจากคนเช่นคุณ”
       ปัจจุบัน เวียดนามเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของกัมพูชา ทั้งสองประเทศมีความร่วมมืออันดีในภาคส่วนต่างๆ ทั้งการค้า เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การลงทุน การทหาร วัฒนธรรม และอื่นๆ.



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

US ส่งนาวิกฯครึ่งหมื่นประจำการ “เกาะกวม” ตามแผนสกัดอิทธิพลจีน

559000007890301.JPEG

 

ทางการสหรัฐฯ เจอกระแสคัดค้านหนักจากชาว บ้านในพื้นที่ หลังพยายามเดินหน้าแผนเพิ่มกำลัง “นาวิกโยธิน” อีกกว่า 5,000 คน เข้าประจำการบนเกาะกวมในมหาสมุทรแปซิฟิก
       รายงานข่าวซึ่งอ้างจูเลียน อะกูอ็อน อัยการชื่อดังด้านคดีสิทธิมนุษยชนของเกาะกวมระบุว่า รัฐบาลและกองทัพสหรัฐฯ เตรียมเดินหน้าแผนส่งนาวิกโยธินกว่า 5,000 คนเข้ามาประจำการบนเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนโพ้นทะเลที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของอเมริกา
       อะกูอ็อนระบุว่า แม้กวมจะยังเป็นดินแดนในความปกครองของสหรัฐฯ แต่การตัดสินใจเดินหน้าแผนส่งนาวิกโยธินจำนวนครึ่งหมื่นเข้ามาประจำการบน เกาะโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนบนเกาะกวม ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่แตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคล่าอาณานิคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนบนเกาะแห่งนี้ มิอาจยอมรับได้และเตรียมคัดค้านเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง
       รายงานข่าวระบุว่า สหรัฐฯเตรียมเริ่มแผนส่งนาวิกโยธิน ที่คาดว่าจะมีจำนวนราว 5,000 คนเข้าประจำการบนเกาะกวมตั้งแต่ปี ค.ศ.2022 หรืออาจเร็วกว่านั้น โดยกำลังพลส่วนใหญ่จะถูกย้ายมาจากฐานทัพบนเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่นซึ่งชาว บ้านในพื้นที่มีจุดยืนต่อต้านการคงอยู่ของทหารอเมริกันมาช้านาน เพราะสุดทนกับปัญหาเสียงรบกวนจากเครื่องบิน และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ รวมถึง คดีข่มขืนที่ก่อโดยทหารสหรัฐฯ
       หากแผนส่งนาวิกโยธินจำนวน 5,000 คนดังกล่าวถูกดำเนินการเสร็จสิ้นจะส่งผลให้เกาะกวมซึ่งมีทหารอเมริกันประจำ การอยู่แล้วในเวลานี้กว่า 6,000 คน จะต้องรองรับกำลังพลของสหรัฐฯรวมแล้วมากกว่า 11,000 คน
       ด้านแหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) เผยว่า การย้ายนาวิกโยธินจำนวนครึ่งหมื่นจากโอกินาวาไปยังกวม เป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาบทบาททางทหารของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งในเวลานี้กำลังเผชิญกับภัยคุกคามทางทหารของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่พยายามประกาศอธิปไตยเหนือน่านน้ำสำคัญหลายแห่งทั้งในทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้

559000007890303.JPEG



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

Prepare for possible ‘war on water’ over South China Sea tensions, Beijing tells citizens

57a1d54bc46188f03e8b4602.jpg

 

The Chinese defense minister has warned the tense situation in the South China Sea poses the threat of a direct confrontation and has called on the military, police and general population to be ready to defend the country's territorial integrity.

Chang Wanquan made the statement while inspecting military installations in China's eastern coastal Zhejiang Province, state news agency Xinhua reported, without giving the timing of the comments.

The seriousness of the national security situation should be recognized, particularly when it comes to threats posed at sea, Chang said.

The Chinese military, law enforcement and citizens must be ready for mobilization in the event of a “people's war at sea,” he added

The general public should be educated about national defense issues because national sovereignty and territorial integrity are at risk, according to the minister.

Chang’s statement comes amid unprecedented tensions over the disputed islands in the South China Sea, where Beijing has been building airstrips and military installations on reclaimed reefs and islands in waters also claimed by a number of other Asian states

The US Navy has dispatched warships and military planes to the immediate proximity of the disputed islands, claiming it has done so to ensure the principles of freedom of navigation in international waters. Washington has been also involved in a number of military drills in the region.

Beijing has slammed the naval and aerial displays by the US as provocations, and reinforced installation on the islands with anti-ship missile and air-defense complexes.

China’s 2.3 million-strong People’s Liberation Army (PLA) is “fully confident and capable of addressing various security threats and provocations,” Chang said last weekend while addressing a summit dedicated to the 89th anniversary of the PLA's founding.

On Tuesday, China’s Supreme Court issued a regulation reaffirming the jurisdiction of national courts over the country’s territory, including the 200-nautical-mile exclusive economic zone (EEZ). It warned citizens and foreigners alike of criminal liability for violations such as illegal fishing or killing endangered wildlife in the zone.

“People’s courts will actively exercise jurisdiction over China’s territorial waters, support administrative departments to legally perform maritime management duties, equally protect the legal rights of Chinese and foreign parties involved and safeguard Chinese territorial sovereignty and maritime interests,” the regulation stated.

Any fishing boats refusing to leave Chinese waters or caught fishing illegally there more than once in a year are subject to a fine, while the crew could be given a prison term of up to one year.

Foreigners who feel their rights have been violated by the Chinese authorities are free to deliver their claims to Chinese courts, the ruling said.



__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard