ລາວໂຮມລາວ ເພື່ອປະຊາທິປະໄຕ

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: Opium cultivation rises in Burma and Laos, UN says
Anonymous

Date:
Opium cultivation rises in Burma and Laos, UN says
Permalink   
 


UNระบุ5ปี'พม่า-ลาว'ปลูกฝิ่นสูงขึ้นเท่าตัว

blank.gifhttp://www.bbc.co.uk/news/world-asia-16198328

blank.gif
554000016901701.JPEG
blank.gif

       เอเอฟพี/เอเจนซี - รายงานล่าสุดของสหประชาชาติที่นำออกเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (15) ระบุ ในพม่าและลาวมีการปลูกฝิ่นเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องจากราคาที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจึงสามารถดึงดูดใจชาวไร่ชาวนาผู้ยากจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณพื้นที่ซึ่งมีความขัดแย้งตึงเครียดกันอยู่
       
       รายงานการศึกษาชิ้นนี้ของสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปราม อาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UN Office on Drug and Crime หรือ UNODC) ซึ่งทำการสำรวจโดยใช้ทั้งเฮลิคอปเตอร์, ดาวเทียม, และการออกไปตามหมู่บ้าน ค้นพบว่า ผืนดินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการปลูกฝิ่น ได้เพิ่มขึ้นมา 16% ในปีนี้ถ้าเทียบกับปี 2010 และหากคำนวณจากเมื่อ 5 ปีก่อน ก็จะสูงขึ้นอีก 1 เท่าตัวทีเดียว
       
       ขณะที่ในลาวมีการปลูกพืชที่นำไปผลิตเป็นเฮโรอีนชนิดนี้ สูงมากขึ้น 37% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว โดยที่ในพม่าเพิ่มขึ้น 14% แต่พื้นที่ปลูกฝิ่นส่วนใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นอยู่ในพม่า โดย 91% ของผลผลิตฝิ่นทั่งทั้งภูมิภาคนี้มาจากแดนหม่อง หรือเมื่อคิดเป็นสัดส่วนของผลผลิตผิ่นทั่วโลกก็จะเท่ากับราว 9% พม่าจึงยังมีฐานะเป็นผู้ปลูกฝิ่นมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นผู้ซัปพลายผลผลิตฝิ่นให้แก่โลกถึงประมาณ 90%

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000159812



-- Edited by buckhumnoy on Thursday 15th of December 2011 07:09:09 PM

__________________
Anonymous

Date:
RE: UNระบุ5ปี'พม่า-ลาว'ปลูกฝิ่นสูงขึ้นเท่าตัว
Permalink   
 


สหประชาชาติชี้พม่าและลาวมีการปลูกฝิ่นมากขึ้น

       รายงานล่าสุดของสหประชาชาติที่นำออกเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (15) ระบุ ในพม่าและลาวมีการปลูกฝิ่นเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องจากราคาที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจึงสามารถดึงดูดใจชาวไร่ชาวนาผู้ยากจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณพื้นที่ซึ่งมีความขัดแย้งตึงเครียดกันอยู่
       
       รายงานการศึกษาชิ้นนี้ของสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปราม อาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UN Office on Drug and Crime หรือ UNODC) ซึ่งทำการสำรวจโดยใช้ทั้งเฮลิคอปเตอร์, ดาวเทียม, และการออกไปตามหมู่บ้าน ค้นพบว่า ผืนดินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการปลูกฝิ่น ได้เพิ่มขึ้นมา 16% ในปีนี้ถ้าเทียบกับปี 2010 และหากคำนวณจากเมื่อ 5 ปีก่อน ก็จะสูงขึ้นอีก 1 เท่าตัวทีเดียว
       
       ขณะที่ในลาวมีการปลูกพืชที่นำไปผลิตเป็นเฮโรอีนชนิดนี้ สูงมากขึ้น 37% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว โดยที่ในพม่าเพิ่มขึ้น 14% แต่พื้นที่ปลูกฝิ่นส่วนใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นอยู่ในพม่า โดย 91% ของผลผลิตฝิ่นทั่งทั้งภูมิภาคนี้มาจากแดนหม่อง หรือเมื่อคิดเป็นสัดส่วนของผลผลิตผิ่นทั่วโลกก็จะเท่ากับราว 9% พม่าจึงยังมีฐานะเป็นผู้ปลูกฝิ่นมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นผู้ซัปพลายผลผลิตฝิ่นให้แก่โลกถึงประมาณ 90%
       
       รายงานของ UNODC บอกว่า จำนวนครัวเรือนในพม่าที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพืชยาเสพติดชนิดนี้ มีประมาณ 256,000 ครัวเรือน สูงกว่าในอัฟกานิสถานมากทีเดียว โดยพื้นที่ของพม่าซึ่งมีการปลูกฝิ่นมากที่สุด คือรัฐชาน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทำผลผลิตฝิ่นราว 91%ของที่ปลูกกันแดนหม่อง รองลงมาคือรัฐกะฉิ่น ทางภาคเหนือ โดยที่ในรัฐกะฉิ่นนี้ มีตัวเลขน่าสนใจว่ามีการปลูกเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 27%



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

Opium cultivation rises in Burma and Laos, UN says

Opium in MyanmarThroughout south-east Asia, opium cultivation is now 16% higher compared with 2010

Opium poppy cultivation has risen significantly in Burma and Laos since 2006, according to a UN report.

The United Nations Office on Drugs and Crime (UNODOC) says that in Burma the area of land devoted to opium rose for the fifth consecutive year - by 14%.

In Laos the rise was 38% although the total area under cultivation was low.

The UN blamed poverty, conflict and food insecurity for the rise, adding that high prices made opium production more attractive to farmers.

Burma is the world's second-largest opium-growing country after Afghanistan, with an estimated 43,600 hectares dedicated to opium poppy cultivation in 2011, according to the survey.

UNODC conducted the study with the governments of Burma and Laos. Helicopter, satellite and village surveys were used - the study is carried out annually.

Throughout south-east Asia, opium cultivation is now 16% higher compared with the previous year, according to UNODC.

"The significant increase in opium poppy cultivation coupled with increases in trafficking in methamphetamines and other illicit drugs reflect a growing human security threat to the region,"said Gary Lewis, UNODC regional representative.



__________________
Anonymous

Date:
RE: Opium cultivation rises in Burma and Laos, UN says
Permalink   
 




__________________
Anonymous

Date:
Permalink   
 

UNODC ชี้พม่าและลาวปลูกฝิ่นรายใหญ่ของโลกอันดับ 2และ3 ยกย่องไทยลดการผลิตต่อเนื่อง

13240403171324040341l.jpg


เมื่อไม่นานมานี้   สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC ) ระบุว่าพื้นที่ ที่ใช้ในการปลูกฝิ่นในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นราว 16% ในปีนี้ โดยเฉพาะพม่าซึ่งเป็นประเทศผู้ปลูกฝิ่นรายใหญ่อันดับ 2 รองจากอัฟกานิสถาน มีการปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนราว 96% ของปริมาณการปลูกฝิ่นที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปีนี้ คาดว่าฝิ่นที่ผลิตในพม่าตลอดปี พ.ศ 2554 มีปริมาณราว 610 ตันหรือประมาณ 10% ของปริมาณฝิ่นทั่วโลก ขณะที่ลาวผลิตฝิ่นในปีนี้ทั้งหมด 25 ตัน

 


 Gary Lewis ผู้แทนของ UNODC ประจำเอเซีย-แปซิฟิก กล่าวต่อสมาคมผู้สื่อข่าวต่างชาติในประเทศไทยในโอกาสเผยแพร่รายงานสำรวจฉบับ นี้ว่า ฝิ่นที่ผลิตในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ปีนี้มีมูลค่ารวมประมาณ 319 ล้านดอลล่าร์ ส่วนใหญ่ปลูกในแถบรัฐฉานของพม่า โดยสาเหตุที่ทำให้การปลูกฝิ่นในรัฐฉานมีปริมาณเพิ่มขึ้นคือความไร้เสถียรภาพ ด้านอาหาร ความยากจนและความขัดแย้งในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งการที่ฝิ่นมีราคาแพงขึ้นทำให้เกษตรกรจำนวนมากหันไปปลูกฝิ่น

 

 

 

UNODC ระบุว่าปัจจุบันราคาฝิ่นในพม่าเพิ่มขึ้นจากระดับกิโลกรัมละ 300 ดอลล่าร์เมื่อปีที่แล้วเป็นกิโลกรัมละ 450 ดอลล่าร์ ประกอบกับเงินจ๊าดมีค่าลดลงยิ่งทำให้ฝิ่นขายได้ราคาสูงขึ้นโดยเปรียบเทียบ ขณะที่ราคาฝิ่นในลาวและประเทศไทยเพิ่มขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 1,400 – 1,600 ดอลล่าร์ ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกฝิ่นรวมถึงคนงานที่ทำงานในไร่ฝิ่นต่างมีรายได้เฉลี่ย สูงกว่าคนงานหรือเกษตรกรผู้ปลูกพืชชนิดอื่นๆหลายเท่า

 

 

 

Jason Eligh ผู้จัดการฝ่ายพม่าของ UNODC ชี้ว่าด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจดังกล่าว ชาวบ้านจำนวนมากที่ประสบปัญหาเงินๆทองๆจึงหันไปปลูกฝิ่นหรือไปรับจ้างทำงาน ในไร่ฝิ่นแทนอาชีพอื่น เจ้าหน้าที่ของ UNODC ยังบอกด้วยว่าจำเป็นต้องมีเงินทุนเพิ่มขึ้นจากต่างชาติเพื่อนำมาใช้ใน โครงการใหม่ๆเพื่อลดการปลูกฝิ่นในลาวและพม่า เช่นโครงการสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆซึ่งเคยใช้ได้ผลมา แล้วในอดีต

 

 

 

การปลูกฝิ่นในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ 3 ประเทศคือพม่า ลาวและไทย ลดลงไปมากในช่วงระหว่างปี พ.ศ 2541 ถึง 2549 หลังจากรัฐบาลปราบปรามอย่างหนักพร้อมกับนำโครงการปลูกพืชทดแทนชนิดอื่นมาใช้ แต่ปริมาณการปลูกฝิ่นในพม่าและลาวกลับเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา

 

 

UNODC ยังได้กล่าวยกย่องประเทศไทยที่เป็นประเทศเดียวในแถบนี้ที่ยังสามารถลดปริมาณ การปลูกฝิ่นลงได้อย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่ปลูกฝิ่นในประเทศไทยปีนี้ลดลงราว 25% และปริมาณผลผลิตฝิ่นลดลงเหลือเพียง 3 ตันเท่านั้น



__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard